
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และรมว.ก.ทรัพยากรฯ ขอให้ยกเลิกการสร้างก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอนในแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย เพื่อท้วงติงต่อความไม่เหมาะสมโครงการก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอนของกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำในฐานะคณะทำงานพิจารณารูปแบบและวิธีการดักตะกอน เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพนํ้าในพื้นที่แม่นํ้ากกและแม่นํ้าสาย ได้ดำเนินการปรับรูปแบบการสร้างฝายดักตะกอน เป็นรูปแบบม่านน้ำดักตะกอน จำนวน 4 แห่ง ในลำน้ำกก ในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 3 แห่ง และ อ.เมือง จ.เชียงราย 1 แห่ง ด้วยงบประมาณก่อสร้าง 173 ล้านบาท โดยเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขงได้ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการดังกล่าวยังไม่ได้กษาความเหมาะสมและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อีกทั้งโครงการยังไม่ได้ให้รายละเอียดที่ครอบคลุมงบประมาณในทุก ๆ ด้าน และไม่มีความชัดเจนในการกำจัดสารพิษ นอกจากนั้นยังมีความกังวลเรื่องการใช้พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่การเกษตรของชุมชนที่จะส่งผลกระทบต่อการปนเปื้อนในพื้นที่เกษตร ผลผลิตทางการเกษตร และสุขภาพของประชาชนในพื้นที่
หนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้ยกเลิกการสร้างก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอน แม่น้ำกก แม่น้ำสาย
เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
วันที่ 28 สิงหาคม 2568
เรื่อง ขอให้ยกเลิกการสร้างก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอน แม่น้ำกก แม่น้ำสาย
เรียน นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม, อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ
ด้วยกรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะคณะทำงานพิจารณารูปแบบและวิธีการดักตะกอน เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพนํ้าในพื้นที่แม่นํ้ากกและแม่นํ้าสาย ได้ดำเนินการปรับรูปแบบการสร้างฝายดักตะกอน เป็นรูปแบบม่านน้ำดักตะกอน จำนวน 4 แห่ง ในลำน้ำกก ในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 3 แห่ง และ อ.เมือง จ.เชียงราย 1 แห่ง ด้วยงบประมาณก่อสร้าง 173 ล้านบาท ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบภายในเดือนกันยายน 2568 และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนธันวาคม 2568 นี้นั้น
เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ร่วมกับประชาชนและองค์กรเครือข่ายดังรายชื่อท้ายจดหมายฉบับนี้ ได้ติดตามโครงการก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอนของกรมทรัพยากรน้ำ ใคร่มีข้อท้วงติงต่อความไม่เหมาะสมของโครงการดังกล่าวนี้ และขอให้ นายกรัฐมนตรีได้ระงับโครงการก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอนของกรมทรัพยากรน้ำ ด้วยเหตุผลดังนี้
- กรมทรัพยากรน้ำ ยังไม่ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการดังกล่าวนี้ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณ ในการลดการปนเปื้อนสารโลหะหนัก, ผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและผลกระทบสะสมในอนาคต และกระบวนการรับฟังความเห็นจากประชาชนในลุ่มน้ำกกและชุมชนที่เป็นที่ตั้งของโครงการ
- ข้อมูลที่มีการเปิดเผยระบุว่างบประมาณในโครงการก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอน จำนวน 173 ล้านบาทนั้น แต่ในข้อเท็จจริง ต้องใช้งบประมาณมากกว่าที่ระบุไว้มากอาทิเช่น ค่าชดเชยที่ดินทำกินของชุมชน, ค่าก่อสร้างระบบการขนส่งใหม่ให้รองรับการขนส่งตะกอนไปกำจัดนอกพื้นที่, ค่าจ้างการบำบัดและจัดการตะกอนไปทิ้งในพื้นที่อื่น ฯลฯ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำ ยังมิได้ให้รายละเอียดที่ครอบคลุมงบประมาณในทุก ๆ ด้าน
- โครงการนี้ ไม่มีความชัดเจนว่า ปริมาณตะกอนที่สูบออกและนำไปบำบัดได้นั้น คิดเป็นปริมาณร้อยละเท่าไหร่ ของปริมาณตะกอนในแม่น้ำกก และสามารถลดการปนเปื้อนสารโลหะหนักใดได้บ้าง ปริมาณมากน้อยเพียงใด มีสารใดบ้างที่หลงเหลือไม่สามารถกักได้จากการดักตะกอน รวมถึงต้นทุนของการกำจัดตะกอนรวม ต่อตะกอนแห้งน้ำหนัก 1 ตันจะมีต้นทุนเท่าไหร่
- องค์ประกอบของการก่อสร้างม่านน้ำดักตะกอนในแต่ละแห่ง จะประกอบด้วยการสร้างฝายในลำน้ำ 2 ชั้น, ม่านดักตะกอน, บ่อตกตะกอน และลานตากตะกอน ซึ่งการก่อสร้างทั้งหมด จะต้องใช้พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่การเกษตรของชุมชน ในปัจจุบันยังไม่มีการประชุมชี้แจงเป็นทางการในระดับชุมชน นอกจากนี้ ด้านเหนือของฝายดักตะกอน จะชะลอการไหลของน้ำ ส่งผลให้เกิดการตกตะกอนที่มากขึ้นในพื้นที่เกษตรน้ำท่วมถึง ซึ่งจะส่งผลต่อการปนเปื้อนในพื้นที่เกษตรสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการปนเปื้อนในผลผลิตการเกษตรที่สูงขึ้นและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เหล่านี้
ด้วยเหตุผลถึงความไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาผลกระทบการปนเปื้อนสารโลหะหนักข้างต้นนี้ ทางเครือข่ายฯ จึงใคร่ขอให้ นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาระงับโครงการม่านน้ำดักตะกอนของกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ที่ไม่มีการศึกษาและหลักประกันใด ๆ ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน และมีคำสั่งให้การแก้ไขปัญหาใดๆจำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือกับภาคประชาชนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างมีระบบและหลักวิชาการที่จะไม่ส่งผลกระทบอันเกิดจากการแก้ไขปัญหาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
- เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง
- มูลนิธิพัฒนาชุนและเขตภูเขา (พชภ.)
- คลินิกกฎหมายสิ่งแวดล้อม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน
- มูลนิธิเพื่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- มูลนิธิบูรณะนิเวศ
- คณะทำงานติดตามความรับผิดชอบการลงทุนข้ามพรมแดน (ETOs Watch Coalition)
- กลุ่มเสรีภาพแม่น้ำโขง (The Mekong Butterfly)
- กลุ่มเพื่อนต่อต้านเผด็จการ (Friends Against Dictatorship: FAD)
- สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต
- มูลนิธิร่มโพธิ์
- เครือข่ายรักษ์น้ำกก
- คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ
- ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ
- ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนเครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดเชียงใหม่
- ศูนย์คุ้มครองสิทธิ์บัตรทองเครือข่ายชาติพันธุ์
- มูลนิธินานาเผ่าไร้พรมแดน
- ศูนย์สร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา จังหวัดเชียงใหม่
- Climate Connectors