เมื่อคอลัมน์ที่แล้ว เราเริ่มต้นด้วยการชำแหละ MOU ไทย–สหรัฐ และตั้งคำถามว่า ประเทศไทยกำลังถูกลากเข้าสู่สงครามแร่แรร์เอิร์ธที่จีนและอเมริกากำลังไล่ควบคุมห่วงโซ่อุปทานโลกหรือไม่ ตอนนี้เราต้องพามาดูสนามรบจริง ที่คนไทยกำลังเผชิญทั้ง ๆ ที่เรายังไม่เริ่มทำเหมืองแม้แต่หลุมเดียว คือผลกระทบจากเหมืองแรร์เอิร์ธในเมียนมาที่ไหลข้ามพรมแดนมาสู่ไทยทุกวัน โลกภายนอกยกย่องรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ว่าเป็นกุญแจสู่อนาคตสะอาด บริษัทเทคโนโลยีโฆษณาว่าเทคโนโลยีสีเขียวจะช่วยโลก นักการเมืองขายภาพว่า BCG...
วันที่รัฐบาลไทยประกาศลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่แรร์เอิร์ธกับสหรัฐ ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะคือรอยยิ้มของนักการเมืองและนักการทูต แต่เบื้องหลังคือหมุดหมายใหม่ของการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนระหว่างจีนกับสหรัฐ ในสมรภูมิของห่วงโซ่อุปทานโลกสีเขียว (Green Supply Chain) แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements – REE) 17 ชนิด เป็นหัวใจของเทคโนโลยีสะอาด ตั้งแต่แบตเตอรี่...
ณ เขาหินซ้อน ฉะเชิงเทรา พื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งถูกตราหน้าเป็น “แผ่นดินสำหรับโรงไฟฟ้า” ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP2007) และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย (NPS) มูลค่าหลายหมื่นล้าน แต่วันนี้กลับถูกขายภาพใหม่เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ ภายใต้คำอธิบายสวยหรูว่า พลังงานที่สะอาดกว่า และงอกเงยเพื่อเศรษฐกิจไทย ทว่าภาพเงาวิบวับของพลังงานสะอาดกว่านั้น...
“รัฐไทยกำลังเดินหน้าไปสู่อนาคตของทุน โดยปล่อยให้สิทธิมนุษยชนตกค้างอยู่ในอดีต” นี่คือประโยคที่สะท้อนสภาวะร่วมสมัยได้ดีที่สุด หากมองผ่านโครงสร้างการพัฒนาเชิงอำนาจในสองพื้นที่ยุทธศาสตร์ ทั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ที่กำลังกลายเป็นเครื่องทดสอบขอบเขตของสิทธิและประชาธิปไตยสิ่งแวดล้อมไทยในศตวรรษที่ 21 หากใครยังจำได้ ช่วงปี 2561 คือจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 โดยมอบอำนาจมหาศาลให้คณะกรรมการนโยบาย...
ในทุกยุคของการพัฒนาไทยจะมีคำสวย ๆ ถูกหยิบขึ้นมาใช้เป็นเครื่องล่อความชอบธรรมให้กับการแย่งยึดทรัพยากรจากชุมชนเสมอ ยุคหนึ่งเรียกว่าพัฒนา ยุคหนึ่งเรียกว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และในวันนี้มันชื่อว่า BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ–หมุนเวียน–สีเขียว รัฐบาลนำเสนอ BCG ว่าเป็นยุทธศาสตร์เศรษฐกิจอนาคต ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นโมเดลที่ควบรวมพลังของนวัตกรรม...
รัฐบาลไทยในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ได้สร้างสิ่งที่เรียกว่าเขตพิเศษขึ้นทั่วประเทศราวกับแผนการแบ่งพื้นที่อำนาจใหม่ ตั้งแต่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ไปจนถึงเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ (SEC) ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการผลักดันอย่างเร่งด่วนในสภาฯ รัฐบาลใช้ถ้อยคำที่หอมหวานอย่าง พัฒนาเศรษฐกิจ, การสร้างงาน, ยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อปิดบังการยึดครองเชิงโครงสร้างของรัฐและทุนเหนือชีวิตประชาชน แต่หากมองให้ลึกลงไปในเนื้อกฎหมายและนโยบาย จะเห็นว่าเขตพิเศษคือกลไกของรัฐแบบอาณานิคมภายใน (internal colonialism) การแบ่งแยกดินแดนภายในประเทศเพื่อให้ทุนมีอำนาจเหนือกฎหมาย...
ในขณะที่รัฐไทยประกาศขยายพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มาถึงจังหวัดปราจีนบุรี ภาพที่ถูกนำเสนอคือความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ โรงงานสะอาด เทคโนโลยีสีเขียว และงานสร้างรายได้ให้คนท้องถิ่น ฟังดูดีเหมือนสวรรค์บนดิน แต่พอแง้มประตูดูข้างในจริง ๆ กลับเจอขุมนรกของมลพิษและการคุกคามผู้คนที่ลุกขึ้นมาปกป้องบ้านเกิดของตัวเอง พื้นที่ที่ถูกวางให้เป็นฐานอุตสาหกรรมใหม่ของ EEC ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ มันคือชุมชนเกษตรที่คนอยู่กันมานาน ที่มีวิถีชีวิตพึ่งพาผืนดินและน้ำ แต่กลับต้องเผชิญกับโรงงานขยะอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าที่ผุดขึ้นราวกับเห็ดหลังฝนกลิ่นเหม็นสารเคมีในอากาศ...
การพัฒนาในประเทศนี้ มักถูกเสนอผ่านภาพกราฟิกสวย ๆ บนจอ PowerPoint ในห้องประชุมที่มักจะจัดขึ้นในโรงแรมหรู ๆ มีนักการเมืองยืนถือไมค์พร่ำบอกว่า “นี่คืออนาคตของชาติ” แต่พอเลื่อนสายตาออกจากจอสไลด์ออกไป เรากลับเห็นแต่หมู่บ้านที่ถูกเวนคืน ทะเลที่ถูกถม ป่าชายเลนที่ถูกไถ แล้วคำถามใหญ่คือ อนาคตที่พวกเขาพูดถึงนั้นมันเป็นอนาคตของใครกัน? เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern...
สังคมไทยถูกหลอกให้เชื่อมานานว่า “การพัฒนา” คือการสร้างถนน สร้างนิคมอุตสาหกรรม ปลูกป่าเชิงเดี่ยว ปั้นโครงการ BCG ขึ้นมาเป็นวาทกรรมใหม่ ๆ ทั้งหมดนี้ถูกโหมกระหน่ำด้วยสโลแกนว่า “ยั่งยืน” และ “เพื่ออนาคต” แต่เมื่อเรามองให้ลึกลงไป จะเห็นว่าอนาคตแบบนั้นไม่เคยมีที่ยืนให้กับชาวบ้าน คนชายขอบ ชาติพันธุ์...
ปัญหาสิ่งแวดล้อมในสังคมโลกและสังคมไทยเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบทุนนิยม ที่เน้นการใช้ทรัพยากรเพื่อการเติบโต นำไปสู่การผูกขาดผ่านการครอบครอง การสร้างกรรมสิทธิ์เหนือทรัพยากร และการแปรรูปกรรมสิทธิ์ให้กลายเป็นสินค้าเพื่อแสวงหาผลกำไร รัฐซึ่งเกิดขึ้นในวัฒนธรรมการเมืองแบบรวมศูนย์อำนาจ ได้มีบทบาทในการจัดการ ควบคุม และจัดสรรทรัพยากรเพื่อตอบสนองการเติบโตของกลุ่มทุน และควบคุมทรัพยากรเพื่อค้ำอำนาจทางการเมืองและความชอบธรรม ปัญหาของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมมีความแตกต่างจากปัญหาอื่นที่กลไกรัฐจัดการได้ง่าย เนื่องจากมีผลกระทบในวงกว้าง ข้ามเขตแดนอำนาจปกครองและรัฐ และผสานกับปัญหาอื่นจนเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ การจัดการที่ต้นตอเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ทำให้ปัญหายากที่จะยุติ ไม่สามารถหาผู้ก่อการและผู้เสียหายที่ตายตัวได้...

