ประกาศ
สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ฉบับที่ ๑ / ๒๕๖๖
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสมัชชาองค์กรเอกชนฯ ชุดที่ ๘
……………………………
ตามที่มติที่ประชุมสมัชชาสามัญประจำปี เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ มีมติเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ ชุดที่ ๘ เพื่อให้มีการดำเนินงานต่อเนื่อง ตามข้อกำหนดในธรรมนูญสมัชชาองค์กรเอกชนฯ ความปรากฏตามประกาศสมัชชาองค์กรเอกชนฯ ฉบับที่ ๑/๒๕๖๕ เรื่อง รายนามกรรมการสมัชชาองค์กรเอกชนฯ ชุดที่ ๗ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๕ นั้น
อาศัยความตามธรรมนูญสมัชชาองค์กรเอกชนฯ ฉบับปรับแก้ไขตามมติการประชุมสามัญประจำปี ๒๕๖๐ ในหมวดที่ ๔ ข้อ ๑๐ ให้มีคณะกรรมการ จำนวนไม่เกิน ๒๑ คน ประกอบด้วย ผู้แทนจากสมาชิกสามัญ ไม่เกิน ๑๕ คน โดยให้มีสัดส่วนแต่ละภาคอย่างน้อย ๑ คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่เกิน ๕ คน ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงสัดส่วนหญิงชาย ฯลฯ โดยมีการเลือกกรรมการเพื่อขึ้นบัญชีไว้อีก ๕ คน ให้ขึ้นบัญชีไว้เรียงตามลำดับคะแนน
คณะกรรมการดำเนินการได้ทำการเลือกประธาน รองประธาน เลขาธิการ กรรรมการ ตำแหน่งอื่นตามความจำเป็น และเหมาะสมจากบรรดากรรมการทั้งหมดและพิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕ และมีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฯ แทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ความปรากฏตามประกาศสมัชชาองค์กรเอกชนฯ ฉบับที่ ๓/๒๕๖๕ และแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตามธรรมนูญฯ
สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (สคส.) จึงแจ้งรายชื่อกรรมการบริหาร กรรมการขึ้นบัญชีสำรอง และตำแหน่งคณะกรรมการดำเนินงานทั้งหมด ดังนี้
๑.กรรมการจากสามัญ
กรรมการบัญชีสำรอง [1]
ขึ้นบัญชีเรียงตามลำดับคะแนนจากการเลือกตั้งของสมาชิก เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ จำนวน ๓ ท่าน [2]
๒.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๓. ผู้อำนวยการบริหาร
นางภรภัทร พิมพา สมาคมองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ
๔.บทบาทหน้าที่
ให้เป็นไปตามหมวดที่ ๒ วัตถุประสงค์และกิจกรรม ของธรรมนูญสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และในข้อ ๑๑.๓ การดำเนินงานของคณะกรรมการดังต่อไปนี้ ให้เป็นไปโดยความเห็นของที่ประชุมสมัชชา
๔.๑ ดำเนินการประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ รวบรวมข้อมูล แลกเปลี่ยน เผยแพร่ผลการดำเนินงาน ตลอดจนส่งเสริมให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ ให้การศึกษาอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพแก่ผู้ปฏิบัติงาน ขององค์กรสมาชิก
๔.๒ ประสานงานเครือข่ายองค์กรสมาชิกกับภาครัฐ องค์กรเอกชน ธุรกิจเอกชน ประชาชนและอื่น ๆ ทั้งภายใน และระหว่างประเทศ
๔.๓ สนับสนุนกิจกรรมเพื่อการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
๔.๔ ส่งเสริมความร่วมมือของสมาชิกในการติดตาม เฝ้าระวัง เสนอแนะในเชิงนโยบาย แผนงาน กฎหมาย ฯลฯ ตลอดจนพิจารณาให้ความเห็นประกอบก่อนการตัดสินใจดำเนินโครงการกิจกรรม ทั้งของภาครัฐและเอกชนที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม โดยรวมถึงการสร้างกลไกระดมความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากโครงการ กิจกรรมดังกล่าว
๔.๕ สรรหาและเสนอผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้แทนเข้าเป็นคณะกรรมการ หรือกรรมาธิการในเรื่องที่เกี่ยวข้องสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติทุกระดับ
๔.๖ ดำเนินการส่งเสริมสิทธิและเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนและชุมชนท้องถิ่นให้สามารถอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเข้ามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
๔.๗ ดำเนินการเสริมสร้างจิตสำนึกและศักยภาพของประชาชนทุกเพศทุกวัย องค์กรประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสามารถร่วมกันรักษาให้คงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
๔.๘ ดำเนินการเรื่องอื่นตามที่สมัชชา ฯ กำหนด
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๖
(นายสาคร สงมา)
ประธานคณะกรรมการบริหาร
สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (สคส.)
[1] ธรรมนูญสมัชชาฯ หมวดที่ ๔ องค์การและการจัดการ ข้อ ๑๑.๗ : ในกรณีที่คณะกรรมการพ้นจากสภาพการเป็นกรรมการ โดยการตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติ หรือ ที่ประชุมสมัชชาสามัญหรือวิสามัญมีมติให้ออก ให้นำกรรมการสำรองที่ขึ้นบัญชีไว้มาดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างและให้ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งแทนมีกำหนดเวลาเท่ากับเวลาที่เหลืออยู่
[2] เดิม มีจำนวน ๔ คน แต่ ผู้ขึ้นบัญชีลำดับที่ ๑ คือ นายปิยะ พวงสำลี ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฯ