
ทวีปเอเชียเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรส่วนใหญ่ของโลก 60% มีสัดส่วนเป็นเกษตรกรรายย่อย มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นเศรษฐกิจของชุมชน เป็นแหล่งผลิตอาหารที่สร้างรายได้สร้างความมั่นคงให้สังคม ให้คุณภาพชีวิตที่ดี
การลดลงของผลผลิตด้านเกษตร, การลดลงของพื้นที่การผลิต, คุณภาพอาหารลดลงทั้งราคาอาหารที่แพงขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความสามารถในการฟื้นฟูตัวของเกษตรกรมีความยากลำบากมากขึ้น ส่งผลถึงความยากจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Global South) ในขณะเดียวกันเกษตรกรยังถูกผลักให้เป็นผู้ร้ายเป็นผู้ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในสังคม มีสัดส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคเกษตรกรรม 30% ซึ่งความเป็นจริงพื้นที่เกษตรกรรายย่อยถูกแทนที่ยึดครองจากบริษัทเกษตรอุตสาหกรรมผูกขาด ที่มีวิธีการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทำให้สัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นในภาคเกษตรกรรม
ระบบเกษตรกรรมและอาหารถูกบรรจุในข้อตกลงปารีส ที่จะจำกัดไม่ให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเกิน 1.5 องศา การปฏิรูประบบเกษตรและอาหารเพื่อพัฒนาความมั่นคงอาหารสู่ความยั่งยืนในรูปแบบเกษตรนิเวศน์ เกษตรยั่งยืน เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับตัวของเกษตรกร และเพิ่มความสามารถในการตัดสินในการกำหนดการผลิตที่ตอบสนองต่อการดำเนินชีวิตของเกษตรกร ส่งเสริมความเสมอภาคในการดำรงชีวิตให้เกษตรกรรายย่อย

การสร้างความเป็นธรรม โดยให้บริษัทอุตสาหกรรมเกษตรดำเนินการผลิตที่ไม่ทำลายสภาพสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงการฟื้นฟูปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ รับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบบเกษตรกรรม ระบบอาหารของเกษตรกรรายย่อย เป็นประเด็นที่สำคัญในการประชุมเจรจาและหาข้อตกลงใน COP28 เนื่องจากเกษตรกรรายย่อยมีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร และมีความเปราะบางสูงจำเป็นต้องให้ความสำคัญ การปรับตัวเกษตรกรรายย่อยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ระบบเกษตรกรรมรายย่อยต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน NDCs (Nationally Determined Contributions เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกในอนาคต ) และ NAP (The National. Adaptation Plan แผนการปรับตัวการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) เพื่อให้เกิดระบบการผลิตที่หลากหลายรูปแบบ ในขณะเดียวกันต้องมีความเข้มงวดในขั้นตอนการผลิตของบริษัทอุตสาหกรรมเกษตร ต้องให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยสุด ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในห่วงโซ่คุณค่าปัจจัยการผลิตทางเกษตร โดยปฏิเสธการครอบงำของบริษัทในการส่งเสริมการผลิตผูกขาดจากการขายปัจจัยการผลิต สารเคมี เมล็ดพันธุ์ลูกผสม ระบบตลาด ออกแบบการสนับสนุนการปรับตัวของเกษตรกรรายย่อย สนับสนุนทุน, เทคโนโลยี, ความรู้ ที่ไม่เป็นภาระต่อตัวเกษตรกร (หนี้สิน) การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ทำลายพื้นที่เกษตรกรรมโดยให้มีการศึกษาระบบอย่างรอบด้านและให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมการตัดสินใจของเกษตรกร
การประชุม COP28 ณ เมืองดูไบ 160 ประเทศ ที่เข้าร่วมประชุมได้รับรองปฏิญญาว่าด้วย “ระบบเกษตรกรรมและอาหาร” ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่าภาคเกษตรและระบบอาหารต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การประชุม COP29 ณ กรุงบากู อาเซอร์ไบจาน ข้อตกลงในประเด็นการเกษตรและข้อสรุปที่สำคัญ มุ่งเน้นการสนับสนุนการเข้าถึงทุนของเกษตรกรรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มสตรีที่มีบทบาทในระบบการผลิตอาหารในภาคเกษตรกรรม การเก็บ เมล็ดพันธุ์ การแปรรูปอาหาร สตรีเป็นผู้รับผิดชอบระบบอาหารในครอบครัวเป็นหลัก การผลักดันการเงินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องเร่งด่วนในการดำเนินการทั้งเงินจากประเทศพัฒนาและการจัดการระบบเงินที่ทำให้ภาคเกษตรกรรมที่จะสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าถึงทุนที่จะไม่เป็นภาระหนี้สินผูกพันในอนาคต การเข้าถึงเงินทุนในแต่ละประเทศโดยเฉพาะจากกองทุนที่เกิดขึ้นจากการผลักดันจากประเทศกำลังพัฒนา
การปรับตัวเกษตรกรรายย่อยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเสริมสร้างศักยภาพให้เกิดความเข้มแข็งในครอบครัวชุมชนเกษตรกรรม, การเข้าถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์,เทคโนโลยี การสร้างระบบพยากรณ์อากาศล่วงหน้าที่แม่นยำ, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะทำให้เกษตรกรรายย่อยตัดสินใจในการผลิต เช่น แหล่งน้ำ เพิ่มการวิจัยและพัฒนาที่ทำให้เกษตรกรเข้าถึง พันธุ์พืชที่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดความสูญเสียและเสียหายที่สำคัญมีราคาถูกไม่เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตรกรรม
ให้ความสำคัญแนวทางการแก้ปัญหาที่ใช้ธรรมชาติเป็นฐาน NBS ปกป้องนิเวศฟื้นฟูธรรมชาติ สนับสนุนการปลูกและเพิ่มพื้นที่ป่าที่เหมาะสมกับบริบทนิเวศน์ การเปลี่ยนผ่านแนวทางปฏิบัติที่ลดความเสี่ยงและลดก๊าซเรือนกระจก, การทำเกษตรยั่งยืน, ระบบตลาดการเกษตรท้องถิ่น, การพัฒนาระบบน้ำทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรรายย่อย, ลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากบริษัท, เข้าถึงพลังงานต้นทุนต่ำ, คำนึงถึงห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตรให้สั้นลงจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค

สร้างหลักประกันสิทธิและการใช้ประโยชน์ที่ดิน
ยุติการแย่งชิงที่ดินผ่านการซื้อขายเปลี่ยนแปลงสิทธิในการถือครองที่ดินทำกินที่อยู่อาศัย ปกป้องสิทธิเกษตรกรสิทธิในที่ดินทำกิน เพื่อให้ที่ดินเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการเกษตรกรรายย่อย, การเปลี่ยนสิทธิการถือครองที่ดินบางส่วนเป็นแหล่งผลิตพลังงานหมุนเวียนก็ยังเป็นการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดีไม่เป็นธรรม (การแก้ปัญหาที่ผิด)ยังผูกขาดความเป็นเจ้าของพลังงานจากกลุ่มทุนเก่า แต่ละประเทศในเอเชียควรมีกลไกกรอบการทำงาน นโยบาย ที่เกษตรกรมีสิทธิในที่ดินทำกินที่มั่นคงอย่างมีประสิทธิภาพ,
การพัฒนาระบบเศรษฐกิจของรัฐเป็นนำสู่การสูญเสียที่ทำลายป่าไม้, ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการกับอาหารขยะ สร้างความปลอดภัยของอาหาร การเข้าถึงอาหารที่เพียงพอของคนในสังคมอย่างเป็นธรรม, สร้างมาตรฐานอาหารสำหรับทุกคนทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคกำหนดร่วมกันคือแนวทางความร่วมมือในรูปแบบการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน
การเงินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เรียกร้อง กดดัน เสนอในการระดมทุน 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะให้ประเทศพัฒนาสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อย ที่จะแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การปรับตัวโดยเฉพาะกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งประเทศในทวีปเอเชียที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือน กระจกต่ำ ในการประชุม COP29 มีข้อตกลงร่วมกันในการประชุม ประเทศพัฒนาต้องสนับสนุนเงินทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามข้อเรียกร้องของภาคประชาสังคมชดเชยเงินที่ประเทศพัฒนาทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นจากอดีต
จัดลำดับความสำคัญของการใช้เงินในการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดปัญหาการขั้นตอน กฎระเบียบ เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงเงินทุนในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่เพิ่มไม่เป็นภาระหนี้สินของชุมชน มีรูปแบบการสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชน สังคม
สร้างความร่วมมือใหม่ในทุกระดับของรัฐเอกชน ภาคประชาสังคม เพื่อให้การทำงานที่มีประสิทธิภาพโดยเพิ่มสัดส่วนการเงินสนับสนุนระบบเกษตรกรรมและอาหาร สำหรับเกษตรกรที่มีสัดส่วนเท่าเทียมกับการลงทุนของภาคเอกชน โดยการสนับสนุนโดยตรงให้แก่ชุมชนเกษตรกรรมที่เปราะบางและสร้างหลักประกันว่า “เงินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” จะไม่ก่อ ให้เกิดการเพิ่มหนี้สิน หนี้ผูกพัน และไม่ก่อให้เกิดอันตรายทุกรูปแบบกับชุมชนเกษตรกรรม
เทคโนโลยีทางการเกษตร
นวัตกรรมในการผลิตทางการเกษตรต้องเหมาะสมกับคนจน, ปลอดภัย, ราคาไม่แพง, เกษตรกรจัดการบริหารได้ ควบคู่ระหว่างความรู้ เทคโนโลยีท้องถิ่น และความรู้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยไม่ถูกครอบงำจากบริษัทขนาดใหญ่ ( เช่นโดรนที่เกษตรกรรายย่อยจัดการได้) สนับสนุนความเข้าใจ เข้าถึงเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ไม่แพง และบริหารจัดการได้ด้วยตัวเกษตรกร

กองทุนการสูญเสียและความเสียหาย
กองทุน FRLD (กองทุนรับมือการสูญเสียและความเสียหาย) ให้รวมภาคประมง, ภาคป่าไม้, ภาคเกษตรกรรม เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นหลักประกันการมีส่วนร่วมและเข้าถึงกองทุน FRLD การสูญเสียและความเสียหาย การเพิ่มเงินทุนและจัดตั้งกลไกการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนจากภาคเกษตรกรรม ประมงจะได้รับการการพัฒนา ในกรอบการทำงานของกองทุน ซึ่งรวมถึงการหาแนวทางแก้ไขปัญหาทางการเงินที่เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขความเสียหายทางการเกษตรและการสูญเสียพันธุ์พืชพื้นเมืองอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ควรมีตัวแทนจากภาคเกษตร ประมงเข้ามีส่วนร่วมในการพัฒนากลไกการจัดหา จัดการเงินทุน
การสร้างหลักประกันความยุติธรรมและการชดเชยความเสียหายทางการเกษตร สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดกฎหมายและนโยบายที่รับประกันการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาคเกษตร ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงความพร้อม (เงินทุนและกลไก) และการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับความสูญเสียและความเสียหาย การจัดหาประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับเกษตรประมงที่รัฐบาลจ่ายให้ พร้อมความคุ้มครองที่เหมาะสม เพื่อปกป้องวิถีชีวิตและอนุรักษ์ระบบนิเวศ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็ง
สำรวจความร่วมมือกับการจัดหาเงินทุนเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพแบบพหุภาคีในการดำเนินการตามแนวทางแก้ปัญหาเชิงประจักษ์: การสำรวจกลไกการจัดหาเงินทุนอื่นๆ เช่น การจัดหาเงินทุนเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพแบบพหุภาคี เพื่อเสริมการระดมทรัพยากรของกองทุนเพื่อตอบสนองต่อความสูญเสียและความเสียหาย
โดย สาคร สงมา – ประธานกรรมการสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ