โดย ณัฐนนท์ นาคคง ณัฏฐภัทร์ สมบัติบุญ และ ธิติพัทธ์ เลิศชัย
“คนจน” กลุ่มคนที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศและมีหลากหลายอาชีพ โดยในเมืองจะเห็นคนจนได้จากการประกอบอาชีพอยู่ริมทาง เช่น หาบเร่ แผงลอย ขายอาหาร และรับจ้าง เป็นต้น ซึ่งต้องประสบกับปัญหาฝุ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น คนส่วนใหญ่มักมองว่ามีสาเหตุสำคัญมาจากการเผาไหม้ เช่น การเผาพื้นที่ทางเกษตร เผาขยะ การใช้ยานพาหนะที่มากเกินไป และสะสมเป็นของเสียสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นความเข้าใจโดยทั่วไปที่คนสามารถสัมผัสได้ด้วยการมองเห็นและรับรู้จากข่าวสารบ้านเมือง แต่กับคนจนบางส่วนจากการสัมภาษณ์ในย่านรังสิตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาพบว่ามีทั้งคนที่เข้าใจ แต่เข้าใจเพียงบางส่วน และคนที่ไม่เข้าใจเลย
พ่อค้าหาบเร่ แผงลอย
“ไม่รู้จัก pm 2.5 ไม่ได้ติดตามข่าว ใส่แมสเพราะใส่ติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่โควิด 19”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเขตอุตสาหกรรม
“รู้จัก pm 2.5 แต่ไม่ได้ติดตามข่าว คิดว่ามาจากการเผาใช่ไหม เผาขยะ เผาไร่พวกนี้ แต่ตรงนี้ไม่มีหรอก pm 2.5 ไม่เห็นมีฝุ่น”
แม่ค้าขายอาหารริมทาง
“รู้จัก pm 2.5 เพราะติดตามข่าวสารจากภาครัฐ น่าจะมาจากการใช้รถ พื้นที่นี้รถวิ่งผ่านทั้งวัน ฝุ่น ควันเยอะ โรงงานน่าจะเป็นส่วนน้อยเพราะพื้นที่ตรงนี้ไกลโรงงาน ควันฝุ่นจากโรงงานมาไม่ถึงหรอก”
จากความเข้าใจในปัญหาฝุ่นของคนส่วนใหญ่จริงแสดงให้เห็นว่า “คนเข้าจะใจเพียงแค่ที่ตาเห็นและการนำเสนอของรัฐ” และยิ่งแย่ลงเมื่อคนเหล่านั้นเป็นคนจนไม่รู้ ว่าสาเหตุหลักของการเกิดฝุ่น คือ “ภาคอุตสาหกรรม” ทั้งจากการเผาไหม้ในกระบวนผลิตและการขนส่งของโรงงานอุตสาหกรรมที่รวมกันทั่วประเทศแล้วมีกำลังการผลิตสูงมาก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหลักภายในประเทศ โดยที่ส่วนใหญ่มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง และผนวกกับสภาพแวดล้อม เช่น การพัดพาตามทิศทางลมจากทั้งในและนอกประเทศ สภาพความเป็นแอ่งจนเกิดการสะสมและถูกครอบไว้ลักษณะคล้ายกับฝาชี ทำให้ภาคกลางของประเทศไทยเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างรุนแรง
คนจนไม่เข้าใจ หรือไม่มีใครทำให้เข้าใจ? แม้ว่าการเข้าถึงข้อมูลจะเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้คนจนไม่เข้าใจปัญหาฝุ่น การสร้างความเข้าใจจากภาครัฐเองไม่ได้มีประสิทธิภาพพอที่จะทำให้คนจนเกิดความตระหนักกับปัญหาฝุ่น ประกอบกับการรายงานข่าวสถานการณ์ฝุ่นส่วนใหญ่กลับไม่มีการนำเสนอให้คนจนเข้าใจสาเหตุแท้จริงของฝุ่น การนำเสนอข้อมูลถูกพูดถึงกันในวงแคบ ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการเสียมากกว่า
ไรเดอร์ส่งอาหาร
“ผมไม่รู้สาเหตุส่วนใหญ่ของฝุ่นหรอก แต่คิดว่าโรงงานปล่อยไม่เยอะ ไม่เห็นควัน เพราะมีมาตรการรองรับไว้อยู่แล้ว”
ปัญหาปากท้องสำคัญกว่าปัญหาฝุ่น อาจบอกว่าสิ่งที่ทำให้คนจนไม่สนใจปัญหาฝุ่น เพราะปัญหาการหาเลี้ยงชีพที่สำคัญมากจนปิดบังเรื่องฝุ่นจนหมด ต้องคำนึงถึงว่าวันนี้ตนเองจะได้เงินเท่าไหร่ จะพอซื้อของไหม ครอบครัวจะกินอะไร จะทำอย่างไรให้อยู่ได้ถึงวันพรุ่งนี้ ผนวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่มานาน ราคาสินค้าแพงขึ้น ค่าแรงที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูง การตกงาน ว่างงาน
การสร้างตระหนักและตื่นตัวกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้กับคนจนต้องให้ความสำคัญ ผลกระทบจากฝุ่นสร้างภาระต่อทุกคนไม่ว่าคนจะรวยหรือจน เพราะเมื่อฝุ่นสัมผัสกับผิวหนัง จะสร้างความระคายเคือง เกิดผื่น มีอาการแพ้ และการสะสมของฝุ่นยังกระทบต่อปอด ระบบหายใจ ร้ายแรงถึงขั้นก่อมะเร็ง และเสียชีวิตได้ในที่สุด คนมีเงินก็อาจป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ส่วนคนที่ไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอก็ต้องเผชิญกับปัญหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หากมีการสร้างความตระหนักและความตื่นตัวให้โดยเฉพาะคนจนหันมาสนใจปัญหาฝุ่นจะไม่มีผู้ที่ต้องเผชิญปัญหาฝุ่นโดยไม่มีความรู้และการรับมือที่เหมาะสม
ฉะนั้นฝุ่นจึงเป็นเรื่องของทุกคน เพราะทุกคนที่มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย มีอากาศที่ดีและสะอาด เหมาะแก่การดำรงชีพ นอกจากการป้องกันด้วยตัวเองจากการสวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นแล้ว ภาครัฐและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต้องสื่อสารด้วยความรับผิดชอบออกมาอย่างตรงไปตรงมาช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนมีความเข้าใจและพร้อมรับมือฝุ่น PM 2.5 อย่างครบถ้วน ควบคู่กับสร้างความร่วมมือกับประชาชน ลดการเผา ลดการใช้รถส่วนบุคคล และสนับสนุนการทำการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยการลดต้นเหตุของการเกิดฝุ่น